ชาวเยอรมันต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนครบ และต้องสวมหน้ากากอนามัย ก่อนเข้าใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะ ขณะที่อัตราการติดโควิด-19 ในประเทศพุ่งเป็นสถิติใหม่อีกครั้ง
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ว่ามาตรการยกระดับทางสังคมรอบใหม่ เพื่อตัดวงจรการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกที่สี่ ในเยอรมนี มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ เมื่อวันพุธ หลังการเสนอของคณะรัฐมนตรีผ่านความเห็นชอบจากสภา เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ทั้งนี้ ประชาชนในเยอรมนีต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนครบ หากเพิ่งหายป่วยจากโรคโควิด-19 ต้องมีเอกสารยืนยัน หรือการมีผลตรวจยืนยันเป็นลบภายในระยะเวลาที่กำหนด พร้อมทั้งต้องสวมหน้ากากอนามัย ก่อนใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะ และการเข้าสู่อาคารสำนักงานทุกแห่ง ไม่ว่าจะเป็นของรัฐหรือเอกชน ส่วนมาตรการแบบเดียวกันนี้กับร้านอาหาร คาเฟ่ ผับ บาร์ และสถานบันเทิงทุกประเภทยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไป
ด้านบุคลากรทุกคนที่ทำงานในสถานสงเคราะห์ผู้สูงอายุ และผู้ที่มาขอเยี่ยม “ต้องผ่านการตรวจคัดกรองทุกวัน” ไม่ว่าสถานะการฉีดวัคซีนจะเป็นแบบใดก็ตาม
ขณะที่สถาบันโรแบร์ต ค็อก (อาร์เคไอ) รายงานสถิติผู้ป่วยโควิด-19 ในเยอรมนี สะสมอย่างน้อย 5,497,795 คน เพิ่มขึ้น 66,884 คน เป็นสถิติรายวันสูงสุดครั้งใหม่ เสียชีวิตสะสมอย่างน้อย 99,768 ราย เพิ่มขึ้น 335 ราย และอัตราอุบัติการณ์ของโรคต่อประชากร 100,000 คน ในรอบ 7 วันที่ผ่านมา พุ่งทะลุ 400 เป็นครั้งแรก โดยอยู่ที่ 404.5 ปัจจุบัน 68% ของประชากรในเยอรมนีฉีดวัคซีนครบแล้ว ซึ่งน้อยมากในกลุ่มยุโรปตะวันตกด้วยกัน