10 หุ้น SET100 จัดโปรไฟไหม้ตลาดแตก เซ่นวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน
Read Time:7 Minute, 40 Second

10 หุ้น SET100 จัดโปรไฟไหม้ตลาดแตก เซ่นวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน

0 0

วิกฤต “รัสเซีย-ยูเครน” ส่งผลกดดันตลาดหุ้นทั่วโลกรวมถึงตลาดหุ้นไทย จากที่ทะยานขึ้นไปถึง 1,713.20 จุด แต่ในปัจจุบันเหลือ 1,671.72 จุด และในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หุ้นชั้นดีในนาม SET100 หลายตัวปรับราคาลงอย่างหนัก จึงคัดมา 10 อันดับที่ลงแรงสุด ส่งผลให้เหลืออัปไซด์ ในระดับ 20% ขึ้นไป

1.HANA (บมจ.ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส) ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง 5 วัน -22.09% (จากราคา 62.25 เหลือ 48.50 บาท) ผลตอบแทนราคาลดลงทุกช่วงเวลา 20 วัน -31.93% 60 วัน -46.99% 120 วัน -32.87% และ YTD -45.20% เทรดที่ค่าP/E (25.26 เท่า) P/BV (1.69 เท่า) เงินปันผลตอบแทน (4.12 %) ราคาล่าสุด (5 มี.ค.65) 48.50 บาท เหลืออัปไซด์ 26.29% จากราคาเป้าหมาย 61.25 บาท

นักลงทุนผิดหวังงบปี 64 ต่ำกว่าโบรกฯ คาด ซึ่งมีกำไร 1.54 พันล้านบาท ลดลง 19% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่อยู่ที่ 1.90 พันล้านบาท ขณะงบไตรมาส 4/64 บันทึกผลขาดทุนกองทุนเครดิตสวิส 404 ล้านบาท

2.DOHOME (บมจ.ดูโฮม) ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง 5 วัน -11.96% (จากราคา 23.40 เหลือ 20.60 บาท) ผลตอบแทนราคาช่วง 20 วัน +12.37% 60 วัน +7.95% 120 วัน -1.12% และ YTD +6.10% เทรดที่ค่า P/E (27.44 เท่า) P/BV (4.59 เท่า) อัตราเงินปันผลตอบแทน (0.11%) ราคาล่าสุด (5 มี.ค.65) 20.60 บาท เหลืออัปไซด์ 26.21% จากราคาเป้าหมาย 26.00 บาท

DOHOME รายงานผลประกอบการปี 64 มีรายได้รวมเท่ากับ 2.59 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.5% จากปี 63 ส่วนกำไรอยู่ที่ 1.81 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 150.2% จากปี 63 หลังยอดขายเพิ่ม-อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น พร้อมจ่ายปันผลจ่ายปันผลเป็นหุ้นอัตรา 5 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล และจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตราประมาณ 0.02 บาทต่อหุ้น

3.BLA (บมจ.กรุงเทพประกันชีวิต) ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง 5 วัน -9.71% (จากราคา 43.75 เหลือ 39.50 บาท) ผลตอบแทนราคาช่วง 20 วัน -9.71% 60 วัน +27.42% 120 วัน +47.66% และ YTD +6.04% เทรดที่ค่าP/E (21.10 เท่า) P/BV (1.41 เท่า) อัตราเงินปันผลตอบแทน (0.58%) ราคาล่าสุด (5 มี.ค.65) 39.50 บาท เหลืออัปไซด์ 25.32% จากราคาเป้าหมาย 49.50 บาท

BLA ผลประกอบการปี 64 บริษัทมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานทั้งสิ้น 3,196 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 99% จากปี 63 จากการเพิ่มขึ้นของเบี้ยประกันภัยรับและค่าใช้จ่ายการรับประกันภัยที่ลดลง ขณะไตรมาสที่ 4 ปี 64 มีเบี้ย FYP จำนวน 1,611 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 17% จากไตรมาสก่อน

4.SCGP (บมจ.เอสซีจี แพคเกจจิ้ง) ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง 5 วัน -8.98% (จากราคา 61.25 เหลือ 55.75 บาท) ผลตอบแทนราคาช่วง 20 วัน -9.72% 60 วัน -11.51% 120 วัน -18.61% และ YTD -19.49% เทรดที่ค่า P/E (28.85 เท่า) P/BV (2.47 เท่า) อัตราเงินปันผลตอบแทน (1.17%) ราคาล่าสุด (5 มี.ค.65) 55.75 บาท เหลืออัปไซด์ 25.56% จากราคาเป้าหมาย 70.00 บาท

SCGP ปี 64 ทำรายได้ 124,223 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% ขณะวางเป้าปี 65 สร้างรายได้ 140,000 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจใน 5 ปีด้วยงบ 100,000 ล้านบาท ส่วนประเด็นกดดันราคาร่วงลง บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า จากกระแสน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นจะส่งผลให้ SCGP มีต้นทุนที่สูงขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน

5.PTTGC (บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล) ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง 5 วัน -8.18% (จากราคา 55.00 เหลือ 50.50 บาท) ผลตอบแทนราคาช่วง 20 วัน -12.17% 60 วัน -12.55% 120 วัน -17.89% และ YTD -14.04% เทรดที่ค่า P/E (5.06 เท่า) P/BV (0.72 เท่า) อัตราเงินปันผลตอบแทน (7.41%) ราคาล่าสุด (5 มี.ค.65) 50.50 บาท เหลืออัปไซด์ 19.80% จากราคาเป้าหมาย 65.50 บาท

PTTGC โชว์กำไรปี 64 พุ่งแตะ 4.49 หมื่นล้านบาท สูงกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 199 ล้านบาท จากรายได้จากการขายเติบโตขึ้น 43% รับรู้กำไรจากการขายหุ้น GPSC และกำไรสต๊อกน้ำมันกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท บอร์ดอนุมัติจ่ายปันผลงวดปี 2564 หุ้นละ 3.75 บาท

6.TASCO (บมจ.ทิปโก้แอสฟัลท์) ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง 5 วัน -7.07% (จากราคา 18.40 เหลือ 17.10 บาท) ผลตอบแทนราคาช่วง 20 วัน -6.04% 60 วัน -5.00% 120 วัน -7.07% และ YTD -5.52% เทรดที่ค่า P/E (12.16 เท่า) P/BV (1.76 เท่า) อัตราเงินปันผลตอบแทน (6.14%) ราคาล่าสุด (5 มี.ค.65) 17.10 บาท เหลืออัปไซด์ 15.49% จากราคาเป้าหมาย 19.75 บาท

TASCO ปี 64 มีกำไร 2,219.71 ล้านบาท ลดลงจากปี 2563 ที่มีกำไร 3,591.82 ล้านบาท โดยรายได้จากการขายและบริการในปี 2564 มีจำนวน 24,447 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 6.53% มีสาเหตุมาจากยอดขายของตลาดต่างประเทศบางประเทศที่ลดลง และโควิด-19 ต่อประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

7.RS (บมจ.อาร์เอส) ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง 5 วัน -7.02% (จากราคา 17.10 เหลือ 15.90 บาท) ผลตอบแทนราคาช่วง 20 วัน -13.59% 60 วัน -20.90% 120 วัน -17.19% และ YTD -26.73% เทรดที่ค่า P/E (119.55 เท่า) P/BV (7.12 เท่า) อัตราเงินปันผลตอบแทน (2.20%) ราคาล่าสุด (5 มี.ค.65) 15.90 บาท เหลืออัปไซด์ 33.96% จากราคาเป้าหมาย 21.30 บาท

RS ปี 64 มีกำไรสุทธิ 127.35 ล้านบาท ลดลง 75.9% จากปี 63 ที่มีกำไรสุทธิ 528.27 ล้านบาท และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ขึ้นเครื่องหมาย H สำหรับการซื้อขายหุ้นอาร์เอส หรือ RS เนื่องจากไม่เผยแพร่ข่าวจ่ายปันผล แต่ระบุในหมายเหตุงบการเงินปี 64

8.TOP (บมจ.ไทยออยล์)

ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง 5 วัน -6.54% (จากราคา 53.50 เหลือ 50.00 บาท) ผลตอบแทนราคาช่วง 20 วัน -6.98% 60 วัน +3.63% 120 วัน +1.01% และ YTD +1.01% เทรดที่ค่า P/E ( 8.11 เท่า) P/BV (0.84 เท่า) อัตราเงินปันผลตอบแทน (5.20%) ราคาล่าสุด (5 มี.ค.65) 50.00 บาท เหลืออัปไซด์ 34.00% จากราคาเป้าหมาย 67.00 บาท

ปี 64 เทียบกับปี 63 กลุ่มไทยออยล์มีรายได้จากการขาย 335,827 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 92,987 ล้านบาท สาเหตุหลักจากราคาขายผลิตภัณฑ์ที่ปรับเพิ่มขึ้น แต่มีปริมาณวัตถุดิบที่ป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตของกลุ่มลดลงเล็กน้อย

9.GPSC (บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่) ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง 5 วัน -5.72% (จากราคา 74.25 เหลือ 70.00 บาท) ผลตอบแทนราคาช่วง 20 วัน -11.39% 60 วัน -5.41% 120 วัน -15.92% และ YTD -21.13% เทรดที่ค่า P/E (26.97เท่า) P/BV (1.82 เท่า) อัตราเงินปันผลตอบแทน (2.14%) ราคาล่าสุด (5 มี.ค.65) 70.00 บาท เหลืออัปไซด์ 28.57% จากราคาเป้าหมาย 90.00 บาท

GPSC งบปี 64 กวาดกำไรกว่า 7.32 พันล้านบาท ลดลง 3% จากปีก่อนกำไร 7.51 พันล้านบาท จ่อปันผล 1 บาท XD วันที่ 24 ก.พ.65 กำหนดจ่ายปันผล 20 เม.ย.65

10.CPF (บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร) ผลตอบแทนราคาย้อนหลัง 5 วัน -5.63% (จากราคา 25.75 เหลือ 24.30 บาท) ผลตอบแทนราคาช่วง 20 วัน -3.76% 60 วัน +1.25% 120 วัน -10.00% และ YTD -4.71% เทรดที่ค่า P/E (15.68 เท่า) P/BV (0.95 เท่า) อัตราเงินปันผลตอบแทน (2.68%) ราคาล่าสุด (5 มี.ค.65) 24.30 บาท เหลืออัปไซด์ 23.46% จากราคาเป้าหมาย 30.00 บาท

CPF ปี 64 มีกำไร 13,028.26 ล้านบาท ลดลง 50% เมื่อเทียบกับปี 63 ที่มีกำไร 26,022.39 ล้านบาท โดยมีปัจจัยหลักมาจากอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 13% ลดลงจาก 18% ในปี 2563 เพราะระดับราคาสุกรในประเทศเวียดนามที่ปรับตัวลดลงประมาณ 20% และต้นทุนการผลิตอาหารสัตว์ที่ปรับเพิ่มขึ้นจากราคาวัตถุดิบที่สูงจากปีก่อน

อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนอย่างใกล้ชิด เพราะมีแนวโน้มยืดเยื้อและรุนแรงขึ้น ส่งผลกระทบวงกว้าง นักวิเคราห์มองว่าสัปดาห์นี้ (7-11 มี.ค.65) คาดแกว่งไซด์เวย์ แต่ยังมีโอกาสเกิดเทคนิเคิลรีบาวนด์ช่วงต้นสัปดาห์ได้

อ้างอิง
https://mgronline.com/stockmarket

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %
Previous post บล.กสิกรไทย เผยหุ้นเด่นรับศึกสงครามรัสเซียยูเครน เน้นเกาะติดราคาโภคภัณฑ์
Next post ดาวโจนส์ปิดร่วง 184.74 จุด วิตกสหรัฐคว่ำบาตรนำเข้าน้ำมันรัสเซีย